Nocturne เสียงจากภวังค์ยามค่ำคืน

ผู้เขียนมีความเชื่อว่าเบื้องหลังโน้ตดนตรีทุกตัวล้วนมีเรื่องราวซ่อนอยู่เสมอ เช่นเดียวกับแนวเพลงในบทความวันนี้ ที่ใช้ช่วงเวลาตอนกลางคืนเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์บทเพลง ซึ่งเหล่านักประพันธ์เรียกดนตรีแนวนี้ว่า น็อคเทิร์น (Nocturne)
.
น็อคเทิร์น มีรากศัพท์มาจากภาษาละติน Nocturnus แปลว่ากลางคืน ต่อมาได้แปรเปลี่ยนเป็นภาษาต่างๆในยุโรป เช่น Notturno (อิตาลี) Nocturnal และ Nocturne (ฝรั่งเศสและอังกฤษ) แต่หากนึกถึงน็อคเทิร์นในทางดนตรี เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึง Nocturne in E-flat major, Op. 9, No. 2 และงานเพลงอีกหลายชิ้นของโชแปง (Frédéric Chopin) อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่าน็อคเทิร์นไม่ได้มีเพียงบทเพลงเปียโนหวานซึ้งอย่างเดียว ยังมีงานเพลงอีกมากมายที่ถ่ายทอดเนื้อหาดนตรีในมุมมองที่แตกต่างกัน
.
บทเพลงที่แต่งขึ้นเพื่อเล่นในตอนกลางคืน
.
คำว่า ‘น็อคเทิร์น’ เริ่มปรากฏในงานดนตรีอย่างแพร่หลายในอิตาลีช่วงศตวรรษที่ 18 หรือตรงกับดนตรียุคคลาสสิก (Classical Period) โดยบทเพลงที่ตั้งชื่อด้วยคำว่าน็อคเทิร์นในยุคนี้ ส่วนใหญ่มักไม่ได้หมายถึงบทเพลงที่สื่อถึงช่วงเวลากลางคืน แต่เป็นการตั้งชื่อเพื่อระบุช่วงเวลาในการเล่นบทเพลงดังกล่าว
.
ตัวอย่างเช่น Notturno in D major for four orchestras, K. 286 (1776) ของโมสาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart) ด้วยอารมณ์เพลงที่รื่นเริง สนุกสนาน สง่างาม ผนวกกับที่มาของงานเพลงที่โมสาร์ทแต่งขึ้นเพื่อใช้บรรเลงในงานเฉลิมฉลองช่วงปีใหม่ จึงทำให้สามารถตีความได้ว่า Notturno หรือ Nocturne ของโมสาร์ท น่าจะหมายถึงงานเพลงสำหรับบรรเลงในช่วงกลางคืน มากกว่าที่จะหมายถึงงานเพลงสื่อถึงห้วงอารมณ์ใต้แสงจันทร์อันเปลี่ยวเหงา
.
กำเนิดโรแมนติกน็อคเทิร์น
.
เมื่อย่างก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 19 บริบทของเพลงน็อคเทิร์นเริ่มแปรเปลี่ยนอีกครั้งโดยนักเปียโนชาวไอริช จอห์น ฟิลด์ (John Field) ฟิลด์ให้กำเนิดงานประพันธ์ดนตรีมากมาย รวมถึงชุดเพลงที่เขานิยามว่าเป็น ‘น็อคเทิร์น’ ด้วยเช่นกัน งานประพันธ์น็อคเทิร์นของฟิลด์ทั้ง 18 ชิ้น [เริ่มตีพิมพ์ในปี 1812] เป็นเพลงเปียโนขนาดสั้น มีโครงสร้างเพลงแบบสามตอน (Ternary Form, A-B-A) มักใช้ท่วงทำนองที่เรียบง่าย แต่โดดเด่นด้วยการเคลื่อนทำนองแบบคานทาบิเล (Cantabile) หรือการบรรเลงดนตรีเลียนแบบจังหวะการร้องเพลงของมนุษย์ ซึ่งเป็นเทคนิคทำให้บทเพลงอ่อนช้อยและโรแมนติกมากขึ้น
.
โดยขณะที่มือขวาล่องลอยไปกับท่วงทำนอง การบรรเลงคอร์ดในมือซ้ายด้วยเทคนิคอาร์เพกจิโอ (Arpeggio) และเทคนิคกระจายคอร์ด (Broken Chord) เกิดเป็นลักษณะลูกคลื่นที่สวยงาม การไล่ระดับเสียงการบรรเลงสลับไปมาระหว่างเบามาก (Pianissimo) กับดังปานกลาง (Mezzoforte) และการใช้แป้นเหยียบเสียงค้าง (Sustain Pedal) ทำให้อารมณ์เพลงมีความฟุ้ง ล่องลอย ชวนฝัน ฟรานซ์ ลิสท์ (Franz Liszt) คีตกวีเปียโนได้บรรยายถึงน็อคเทิร์นของฟิลด์ไว้ว่า ‘ผ่อนคลายอย่างเชื่องช้า ราวกับการโยกของเรือ หรือราวกับการแกว่งของเปลญวน’
.
การถ่ายทอดบทเพลงผ่านเสียงเปียโนที่ชวนให้นึกถึงค่ำคืนอันเงียบสงบ เย็นสบาย เป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงบริบทที่เปลี่ยนไปของน็อคเทิร์น จากคำที่ใช้ตั้งชื่อเพลงเพื่อระบุช่วงเวลาการเล่น สู่การใช้เพื่ออธิบายเนื้อหาดนตรีที่ต้องการสื่อถึงช่วงเวลายามค่ำคืน โดยคุณูปการเหล่านี้ทำให้ฟิลด์ได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘บิดาแห่งโรแมนติกน็อคเทิร์น’
.
‘ฟิลด์’ พบกับ ‘โชแปง’
.
แม้ว่าฟิลด์จะเป็นผู้บุกเบิกโรแมนติกน็อคเทิร์น แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ที่ทำให้น็อคเทิร์นกลายเป็นแนวเพลงอันโด่งดัง คงจะหนีไม่พ้น เฟรเดริก โชแปง (Frédéric Chopin) ซึ่งครั้งหนึ่งทั้งสองเคยมีโอกาสพบกัน แต่ด้วยสไตล์การบรรเลงเปียโนที่อาจแตกต่างกันเกินไป ทำให้ทั้งสองต่างเพิกเฉยต่อกัน แถมยังมีคำวิจารณ์จากทั้งสองตามออกมาในภายหลัง
.
โชแปงกล่าวถึงการบรรเลงของฟิลด์ว่า ‘ไม่มีความเร็ว ไม่มีความสง่างาม’ ส่วนฟิลด์กล่าวถึงเด็กหนุ่มพรสวรรค์ชาวโปแลนด์ว่าเป็น ‘Sickroom Talent’ หรือเด็กพรสวรรค์ที่ชอบเก็บตัวอยู่ในห้อง อย่างไรก็ตาม แม้ฟิลด์จะไม่ได้ชื่นชอบสไตล์ดนตรีของโชแปง แต่ในฝั่งของโชแปงและลิสท์ ทั้งสองล้วนชื่นชมและต่างได้รับอิทธิพลดนตรีมาจากฟิลด์ หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ท้ายที่สุดแล้วโชแปงเลือกที่จะนำแนวเพลงน็อคเทิร์นของฟิลด์ มาพัฒนาต่อยอดให้กลายเป็นน็อคเทิร์นที่ยอดเยี่ยมในแบบฉบับของตัวเอง
.
น็อคเทิร์นสะเทือนอารมณ์
.
น็อคเทิร์นของโชแปงเริ่มตีพิมพ์ในปี 1827 ซึ่งหลังจากโชแปงเสียชีวิตในปี 1938 น็อคเทิร์นชิ้นที่ 19 และ 20 จึงถูกตีพิมพ์ตามออกมา ส่วนงานอีกหนึ่งชิ้น เดิมทีโชแปงไม่ได้ตั้งชื่อว่าน็อคเทิร์น แต่ในปี 1938 ได้มีการรวมเล่มและบันทึกเสียง ทำให้งานชิ้นที่ 21 ถูกบรรจุเข้ามาในท้ายที่สุด
.
แม้จะมีคำวิจารณ์ส่วนหนึ่งกล่าวว่างานของโชแปงมีความคล้ายกับงานของฟิลด์ แต่หากมองในภาพรวมจะพบความแตกต่างระหว่างงานทั้งสอง โดยหากเปรียบผลงานเป็นบรรยากาศตอนกลางคืน น็อคเทิร์นของฟิลด์อาจเป็นค่ำคืนที่เงียบสงบ เย็นสบาย แต่แอบแฝงด้วยความเปลี่ยวเหงา ส่วนน็อคเทิร์นของโชแปงคงเป็นค่ำคืนที่เปี่ยมด้วยห้วงอารมณ์แห่งความเหงาอย่างเอ่อล้น และด้วยความสะเทือนอารมณ์นี้เอง ทำให้งานเปียโนทั้ง 21 ชิ้นของโชแปง กลายเป็นงานเพลงอันโด่งดังและยกระดับงานประพันธ์น็อคเทิร์นไปตลอดกาล
.
เสียงจากภวังค์ยามค่ำคืนที่เปลี่ยนผ่าน
.
การเบ่งบานของน็อคเทิร์นในดนตรียุคโรแมนติก กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินยุคศตวรรษที่ 20 ได้ต่อยอดและจินตนาการน็อคเทิร์นไปในบริบทที่แตกต่างกันออกไป เช่น The Night's Music บทเพลงส่วนหนึ่งจากบทประพันธ์เดี่ยวเปียโน Out of Doors (1926) ของบาร์ทอค (Béla Bartók) ซึ่งถ่ายทอดบรรยากาศความดิบของธรรมชาติในตอนกลางคืน เสียงประสานที่ขัดแย้งกัน การใช้คอร์ดที่เลือนลางและขุ่นมัว การเลียนเสียงสัตว์ที่ออกหากินตอนกลางคืน ทำให้เกิดความรู้สึกชวนน่าขนลุก
.
แม้น็อคเทิร์นจะไม่สามารถกำหนดลักษณะทางดนตรีได้อย่างชัดเจน แต่ด้วยความไม่ชัดเจนดังกล่าว กลายเป็นโอกาสให้เหล่าศิลปินได้สร้างสรรค์บทเพลงตามจินตนาการที่มีต่อช่วงเวลายามค่ำคืน ที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย ตอนกลางคืนก็ยังคงมีเสน่ห์และน่าค้นหาอยู่เสมอ
.
Writer : Literary Boy
.
อ้างอิง :
.
[1] https://www.pianistmagazine.com/history-of-the-nocturne
[2] https://flypaper.soundfly.com/.../what-exactly-is-a...
[3] https://luxuryactivist.com/.../the-idea-of-nocturne-in...
[4] https://interlude.hk/little-night-music-piano-nocturne
[5] https://pulseconsult.dk/what-is-a-nocturne-definition
[6] https://www.wfmt.com/.../meet-john-field-the-irish...