Leo Brouwer นักประพันธ์คิวบา ผู้พากีตาร์คลาสสิกเข้าสู่ดนตรีคอนเทมโพรารี

สำหรับบทเพลงกีตาร์คลาสสิก เราอาจคุ้นชินกับดนตรีสไตล์ตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ แต่หลังจากการเปลี่ยนถ่ายเข้าสู่ยุคร่วมสมัย (Contemporary music) หนึ่งในผู้ขับเคลื่อนกระแสดนตรีร่วมสมัย คือชายหนุ่มจากคิวบาผู้นำเฉดสีที่แตกต่างมาแต่งแต้มให้งานเพลงกีตาร์คลาสสิก ทั้งหมดคือเรื่องราวของลีโอ เบราเวอร์ (Leo Brouwer, 1939)
.
ณ เมืองฮาวานา ประเทศคิวบา เบราเวอร์เติบโตมาในครอบครัวคนดนตรี ประกอบด้วยแม่ผู้เป็นนักดนตรีมืออาชีพ และพ่อเป็นแพทย์และนักดนตรีสมัครเล่น โดยเป็นความบังเอิญที่อาจมีนัยสำคัญ เมื่อลุงของพ่อคือนักเปียโนผู้ยิ่งใหญ่ เออเนสโต ลาคัวนา (Ernesto Lecuona) ผู้ให้กำเนิดเพลงมาลากีนา (Malagueña) โดยความหลงใหลในกีตาร์คลาสสิกของพ่อส่งต่อมายังเบราเวอร์ผ่านการฟังแผ่นเสียงบรรเลงกีตาร์คลาสสิก
.
เบราเวอร์ เริ่มฝึกเล่นกีตาร์ด้วยตัวเอง ก่อนจะเรียนอย่างจริงจังกับไอแซค นิโคลา (Isaac Nicola) และเป็นความบังเอิญอีกเช่นกันที่นิโคลาเป็นลูกศิษย์ของเอมิลิโอ ปูโยล (Emilio Pujol) หนึ่งในลูกศิษย์สายตรงของฟรานซิสโก ทาร์เรกา (Francisco Tárrega) โดยอาจกล่าวได้ว่าเบราเวอร์เป็นผู้สืบทอดอิทธิพลจากทาร์เรกา นอกจากเทคนิคการบรรเลง นิโคลายังเปิดโลกของเบราเวอร์ด้วยการแนะนำให้รู้จักดนตรียุคฟื้นฟูศิลปวิทยาและยุคบาโรก หลังเรียนกับนิโคลา เบราเวอร์เดินทางไปศึกษาต่อยังวิทยาลัยดนตรีฮาร์ท (Hartt College of Music) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยฮาร์ตฟอร์ด ก่อนจะเดินทางไปศึกษาต่อยังโรงเรียนดนตรีจูลลิอาร์ด (Julliard School of Music)
.
เบราเวอร์ มีความสนใจในดนตรีพื้นเมืองคิวบา ซึ่งสะท้อนผ่านงานเพลงในช่วงแรกของเขา แต่หลังจากนั้น บราวเวอร์เริ่มศึกษาดนตรีแนวล้ำยุคและมินิมัลลิสต์ (Minimalism) โดยเน้นศึกษาไปที่สองศิลปินหัวก้าวหน้าอย่าง ลุยจิ โนโน (Luigi Nono) และเอียนนิส เซนากิส (Iannis Xenakis) อิทธิพลดนตรีเหล่านี้ก่อให้เกิดผลงานเพลงกีตาร์คลาสสิกอย่าง Canticum (1968) และ La espiral eterna (1971) งานเพลงที่เต็มไปด้วยการทดลอง ชวนฝัน และแปลกใหม่ ตามด้วยผลงานเพลงอย่าง El Decameron Negro (1981) และ Sonata (1990) บทเพลงซึ่งแต่งให้กับจูเลียน บรีม (Julian Bream)
.
ราวปี 1980 อาการบาดเจ็บเอ็นนิ้วกลางมือขวา ทำให้เบราเวอร์ต้องเลิกเล่นกีตาร์อย่างจริงจัง และหันมามุ่งมั่นกับงานประพันธ์เป็นหลัก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสายงานที่สร้างชื่อให้กับเบราเวอร์ไม่แพ้กีตาร์คลาสสิก โดยเฉพาะงานดนตรีประกอบภาพยนตร์ หนึ่งในงานที่สร้างชื่อให้กับเบราเวอร์คือ Un Día de Noviembre (A Day in November) ภาพยนตร์สัญชาติคิวบาในปี 1972 ที่มีเพลงประกอบภาพยนตร์ในชื่อเดียวกัน หรือจะเป็นภาพยนตร์สายรางวัลอย่าง Like Water for Chocolate (1992) ภาพยนตร์ดัดแปลงจากนวนิยายในชื่อเดียวกัน กำกับโดย อัลฟองโซ อารัว (Alfonso Arau) ซึ่งเบราเวอร์รับหน้าที่ประพันธ์ดนตรีประกอบภาพยนตร์
.
ชื่อเสียงและผลงานที่ส่งเสริมดนตรีพื้นเมืองคิวบา ทำให้เบราเวอร์กลายเป็นบุคคลสำคัญของประเทศ โดยดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสถาบันศิลปะและภาพยนตร์แห่งคิวบา (Directorship of the Cinema Institute) ส่วนในระดับนานาชาติ เบราเวอร์ได้รับเลือกเป็นที่ปรึกษาด้านดนตรีขององการณ์ยูเนสโก (UNESCO)
.
ตลอดเส้นทางดนตรีกว่าห้าทศวรรษ แม้จะมีผลงานหลากหลายแขนง ตั้งแต่ดนตรีประกอบภาพยนตร์ จนถึงการเป็นวาทยกรให้วงซิมโฟนีออเคสตรา แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ากีตาร์คลาสสิกคือรากฐานที่ก่อให้เกิดสไตล์การประพันธ์อันเป็นเอกลักษณ์ของเบราเวอร์ และเบราเวอร์เองก็ได้แต่งแต้มสีสันให้กับกีตาร์คลาสสิกเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นงานประพันธ์ผสมผสานดนตรีพื้นเมือง งานเพลงร่วมสมัย งานเรียบเรียงเพลงจากศิลปินดัง เช่น The Beatles หรือแบบฝึกหัดที่ท้าทายและมีกลิ่นอายแตกต่างจากแบบฝึกในยุคก่อนอย่าง Estudios Sencillos (Etudes Simples) บทสัมภาษณ์ในปี 2018 เบราเวอร์แนะนำนักดนตรีรุ่นเยาว์ว่า “ต้องฟังเพลงทุกประเภทและเครื่องดนตรีทุกประเภท” สิ่งนี้จะช่วยให้โลกดนตรีของเราเปิดกว้าง และนำไปสู่การตกผลึกสไตล์ดนตรีของตัวเอง
.
Writer : Literary Boy
.
สนใจเรียนกีตาร์ : www.ptnoteguitar.com/p/lessons.html
.
สนใจเลี้ยงกาแฟได้ที่ https://www.ptnoteguitar.com/p/keep-us-caffeinated.html?m=1
.
Web : www.ptnoteguitar.com
Chanta Guitar : https://goo.gl/ictyaA
Tel : 092-907-9966, 061-408-6858
.
#สอนกีตาร์ออนไลน์ #สอนกีตาร์คลาสสิก #PTNoteGuitar #classicalguitar #กีตาร์ #เล่นกีตาร์
.
Reference:
[1] http://www.maestros-of-the-guitar.com/brouwer.html
[2] https://www.wisemusicclassical.com/composer/180/Leo-Brouwer
[3] https://africlassical.blogspot.com/.../leo-brouwer-wrote...
[4] https://classicalguitarmagazine.com/leo-brouwer-at-80-the...
[5] https://www.allmusic.com/.../leo-brouwer.../biography